เครื่องดนตรีในกลองชุด ประกอบด้วย
กลองเล็ก หรือ สะแนร์ดรัม (Snare drum) ประกอบด้วยแผงลวดขึงรัดผ่านผิวหน้ากลองด้านล่าง เพื่อให้เกิดเสียงกรอบ ๆ ดังแต๊ก ๆ ตัวกลองทำด้วยไม้หรือโลหะ และสามารถรัดให้หนังตึงด้วยขอบไม้ด้านบนและล่าง สามารถปลดสายสะแนร์เพื่อให้เกิดเสียงทุ้มดังตุ้มตุ้มได้ และตีกลองเล็กด้วยไม้ นิยมใช้กลองชนิดนี้ทั้งในวงดุริยางค์และวงดนตรี มักจะถูกตีในจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 4 ของทุกๆ " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ
กลองทอม (Tom-tom drum) หรือ เทเนอร์ดรัม (Tenor drum) มีขนาดใหญ่กว่าสะแนร์ดรัม เป็นกลองชนิดที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้สายสะแนร์ โดยทั่วไปบรรเลงในหมวดกลอง ใช้ไม้ชนิดหัวไม้หุ้มสักหลาด มักถูกใช้ในการตีลูกส่ง และช่วยในการโซโล่ ของกลอง
กลองใหญ่ หรือ กลองเบส (Bass drum) เป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยตัวกลองที่ทำด้วยไม้และมีหนังกลองทั้งสองด้าน เสียงที่เกิดจากการตีกลองใหญ่จะไม่ตรงกับระดับเสียงที่กำหนดไว้ทางตัวโน้ต ตีด้วยไม้ที่มีสักหลาดหุ้ม ชนิดที่มีหัวที่ปลายทั้งสองข้าง ใช้เพื่อทำเสียงรัว มักจะถูกตีในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3 ของทุกๆ " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ
กลองทิมปานี (หรือกลองเค็ทเทิ้ลดรัม) เป็นกลองที่มีลักษณะเป็นหม้อกระทะ ซื่งมีหน้าหนังกลองหุ้มทับอยู่ด้านบน เป็นกลองชนิดเดียวที่ขึ้นเสียงแล้วได้ระดับเสียงที่แน่นอน เมี่อคลายหรือขันหน้ากลองโดยใม่ว่าจะใช้วิธีขันสกรูหรือเหยียบเพดดัล (ที่เหยียบ) ก็ไดั ไม้ที่ใช้ตีมีการหุ้มนวมตรงหัวไม้ตี ตีได้ทั้งเป็นจังหวะและรัว
ฉาบ หรือ ซิมบาลส์ (Cymbals) เป็นฉาบที่มีขนาดใหญ่เล็กน้อย ใช้ตีเพื่ออัดพลังความหนักแน่นให้กับลูกส่ง และการโซโล่ของกลอง เพื่อเป็นการสร้างสีสันให้กับตัวเพลง โดยส่วนใหญ่แล้ว ในการควบคุมจังหวะให้กับเพลง ไม่ว่าเพลงแนวใดก็ตาม การตีซิมบาลส์นั้น มักจะเป็นการตีลงไปหนึ่งครั้ง ในบาง " 1 ห้อง " และการตีซิมบาลส์นั้น มักจะไม่เป็นการตีอย่างต่อเนื่องไปตลอดและพรํ่าเพรื่อมากนัก
ฉาบไฮแฮ็ท (Hi-hat) เป็นฉาบขนาดกลางสองใบในแนวเดียวกัน สามารถถูกทำให้อ้าออก และ ประกบเข้ากันได้ ด้วยคันเหยียบซึ่งอยู่ทางด้านล่างสุดของตัวเสาแขวนฉาบไฮแฮ็ท โดยทั่วไปแล้ว ไฮแฮ็ทและตัวเสาแขวนจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของกลองเล็ก ใช้ตีต่อเนื่องเพื่อบอกและควบคุมจังหวะทั้งหมดภายใน " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ ตลอดจนจบเพลง
มาเรียนกลองกันเถอะ
ทฤษฎีดนตรีเบื้องต้น
หลายคนถามว่า “โน้ต คือ อะไร?” เป็นตลกในวงการเมืองไทยหรือเปล่า - -‘’ อันนั้นไม่ใช่นะครับ เหอๆ
โน้ต ก็คือ สัญลักษณ์ที่ใช้บันทึกแทนเสียงดนตรี ซึ่งแสดงถึงความสั้น-ยาว และความสูง-ต่ำของเสียงดนตรี ตัวโน้ตเปรียบเหมือนกับตัวอักษรที่ใช้บักทึกแทนภาษาพูด คนที่เล่นดนตรีเป็นแต่ไม่สามารถอ่านโน้ตได้ก็เหมือนกับคนที่พูด ได้แต่อ่านหนังสือไม่ออก ผมไม่ได้หมายความว่าคนที่อ่านโน้ตไม่เป็นจะเล่นดนตรีไม่ดีนะครั บ ยังมีนักดนตรีเก่งๆอีกหลายท่าน ที่อ่านโน้ตไม่เป็นแต่ก็เล่นดนตรีได้อย่างเยี่ยมยอดมาก ก็เหมือนกับ คนที่อ่านชื่อป้ายห้องน้ำไม่ออก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้ห้องน้ำไม่เป็นนี่ครับ
สำหรับเสียงเครื่องดนตรีที่เราดีด,สี,ตี,เป่า ออกมาเป็นเพลงได้นั้น จะประกอบไปด้วย
1. ความสั้น-ยาว ของเสียง หรือที่เราเรียกว่า จังหวะ (Time)
2. ความสูง-ต่ำ ของเสียง หรือที่เราเรียกว่า ระดับเสียง (Pitch)
ถ้าเพื่อนๆมีความเข้าใจใน 2 ข้อ นี้ก็สามารถอ่านโน้ตได้เร็วขึ้น เพราะโน้ตจะบันทึกรวมทั้ง 2 ข้อนี้ไว้ด้วยกัน แต่ผมจะขอพูดถึงแต่ในส่วนแรกคือ ส่วนของจังหวะ(Time) ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 10 บทย่อยๆ ดังนี้ครับ
1. ความหมายของคำว่าจังหวะ(Time)
2. ตัวโน้ต และตัวหยุด (Note & Rest)
3. โน้ตโยงเสียง (Tied Note)
4. โน้ตประจุด (Dotted Note)
5. โน้ต 3 พยางค์ (Triplets)
6. ห้องเพลง (Measure)
7. เครื่องหมายกำหนดจังหวะ (Time Signature)
8. เครื่องหมายกำหนดจังหวะอื่นๆ
9. การจัดกลุ่มตัวโน้ต และตัวหยุด
10. หลักการปฏิบัติจังหวะตามตัวโน้ต
ซึ่งผมจะทยอยนำมาลงเรื่อยๆนะครับ และหากตกหล่นหรือผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
บทที่ 1 ความหมายของคำว่าจังหวะ (Time)
จังหวะ หมายถึง ช่วงเวลาที่ดำเนินอยู่ในขณะที่บรรเลงดนตรี จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อจบบทเพลงนั้นๆ แล้ว จังหวะมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของทำนองเพลงและแนวประสานเส ียงต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน การเดินของจังหวะจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ จะเหมือนกับการเดินของนาฬิกา อ๋อ...ยกเว้นนาฬิกาตายนะครับ
ซึ่งนาฬิกาปกติจะเดินเป็นจังหวะตัวดำเท่ากับ 60 ตัวอย่างเช่น
หากเพื่อนๆตั้งเมโทโนมเป็นจังหวะตัวดำเท่ากับ 120 ก็คือในหนึ่งนาทีจะมีตัวดำทั้งหมด 120 ตัว หรือใน 1 วินาทีของนาฬิกาปกติ จะมีตัวดำทั้งหมด 2 ตัวนั่นเอง
สำหรับจังหวะเราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 .จังหวะเคาะ (Beat) เป็นหน่วยบอกช่วงเวลาของดนตรี ปฏิบัติโดยการเคาะจังหวะให้ดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าจะจบบทเพลง
2. จังหวะทำนอง (Rhythm) เป็นช่วงเวลาที่เสียงดังออกมา มีทั้งเสียงสั้นเสียงยาวสลับกันไปด้วยความเงียบ ซึ่งแล้วแต่บทเพลงนั้นๆ ตัวอย่างเช่น เพลงหนูมาลี ที่เพื่อนๆ น่าจะเคยได้ยินกันดีอยู่แล้ว
ความสั้น-ยาวของเสียง หรือความเงียบในจังหวะทำนอง สามารถบันทึกได้โดยใช้ ตัวโน้ต และตัวหยุด ซึ่งจะอธิบายในบทต่อไปครับ
บทที่ 2 ตัวโน้ต และตัวหยุด (Note & Rest)
ตัวโน้ต (Note) เป็นสัญลักษณ์ที่บักทึกแทน ความสั้น-ยาว ของเสียง
ตัวหยุด (Rest) เป็นสัญลักษณ์ที่บักทึกแทน ความสั้น-ยาวของความเงียบ
ลักษณะของตัวโน้ต และตัวหยุด
สำหรับชื่อเรียกที่ผมหามาได้ก็จะมีทั้งหมด 3 ชื่อนะครับ คือชื่อไทย, ชื่ออังกฤษ, และชื่ออเมริกัน เท่าที่เจอจากประสบการณ์ ชื่ออังกฤษมักจะไม่ค่อยได้พบเห็นเท่าไหร่ ที่เรียกกันทั่วๆไปได้ยินบ่อยๆ ก็จะเป็นชื่อไทยกับชื่ออเมริกาซะมากกว่าครับ ในส่วนต่อไปเราจะมาเปรียบเทียบค่าของตัวโน้ตกันนะครับ
การเปรียบเทียบค่าของตัวโน้ต
จะเห็นได้ว่า โน้ต ตัวขาว มีค่าเท่ากับ ½ ของโน้ต ตัวกลม
โน้ต ตัวดำ มีค่าเท่ากับ ¼ ของโน้ต ตัวกลม
โน้ต ตัวเขบ็ต 1 ชั้น มีค่าเท่ากับ 1/8 ของโน้ต ตัวกลม
โน้ต ตัวเขบ็ต 2 ชั้น มีค่าเท่ากับ 1/16 ของโน้ต ตัวกลม
หรือ 1 ตัวกลม = 2 ตัวขาว = 4 ตัวดำ = 8 ตัวเขบ็ต 1 ชั้น = 16 ตัวเขบ็ต 2 ชั้น
ส่วนตัวหยุด ให้เปรียบเทียบค่าเหมือนตัวโน้ตครับ
Drum Solo
มือกลองแนวหน้าของไทย
บทสัมภาษณ์ “พี่ชัช BODYSLAM
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาว EXTREME DRUMMER ทุกท่าน หลังจากที่มือกลองทั้งหลายได้เรียกร้องมาว่าอยากอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่ชัช บอดี้สแลม เมื่อสบโอกาสผมจึงได้กรี๊งๆๆๆๆ ไปหาพี่ชัชว่าอยากจะขออนุญาติสัมภาษณ์พี่ชัชเพื่อเอามาลงให้ชาวสมาชิกได้อ่านกัน พี่ชัชก็ตอบตกลงทันทีเลยครับ แบบว่าใจดีมากๆครับพี่ชัชเนี่ย อัธยาศัยนี่ไม่ต้องห่วงเลยครับเป็นกันเองอย่างมากๆ เอาล่ะครับ…ผมไม่อยากจะ Intro นาน ผมขอเชิญเพื่อนๆสมาชิกชาว EXTREME DRUMMER มาอ่านบทสัมภาษณ์พี่ชัชกันแบบถึงลูกถึงคนกันเลยครับ
ตั้ม – สวัสดีครับพี่ชัช
พี่ชัช – สวัสดีครับน้องตั้ม
ตั้ม – เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมขอยิงคำถามแรกเลยนะครับผม
พี่ชัช – โอเคครับ
ตั้ม – พี่ชัช เริ่มตีกลองตอนอายุเท่าไหร่เหรอครับ
พี่ชัช – อิอิอิอิ พี่ขอตอบเป็นว่าตอนเรียนชั้นอะไรดีกว่านะครับ คือจริงๆแล้วเนี่ยพี่เริ่มจากการตีฉาบในวงโยธวาฑิตตอนอยู่ป.6 แล้วก็เริ่มมาตีสแนร์ตอนอยู่ม.1 ครับ ก็ได้รุ่นพี่ที่โรงเรียนเค้าสอนๆกันมา ส่วนเรื่องกลองชุดนี่พี่เริ่มจริงๆก็ตอนม.3ครับ
ตั้ม – แล้วพี่ชัชเริ่มเข้าวงการตอนไหนเหรอครับ แล้วเข้าไปได้อย่างไร
พี่ชัช – ก็ก่อนหน้านั้นพี่ก็เริ่มมาจากการเล่นผับอยู่แล้ว จากนั้นบังเอิญว่าพี่กับเพื่อนๆในวงก็ได้ไปประกวดดนตรีในรายการหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเค้ากำลังหาวงเพื่อไปเล่นแบ็คอัพให้กับ พี่ลีโอ พุฒิ เมื่อ10ปีก่อนโน้นน่ะครับ โดยให้นำเพลง เอื้อมมือคว้า ของพี่อิง อชิตะ มา Cover ใหม่ ซึ่งก็ได้รับเลือก และหลังจากเล่นให้พี่ลีโอมาได้สักพัก ก็ได้ไปเล่นแบ็คอัพให้กับพี่ สุกัญญา มิเกล และหลังจากนั้นก็ได้ไปเล่นให้ศิลปินต่างๆมากมาย
ตั้ม – พี่ชัชตีเก่งขนาดนี้ซ้อมเยอะมั๊ยครับ
พี่ชัช – โอ้โหไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ซ้อมหนักมากๆ แต่พี่ไม่ได้กำหนดเวลาว่าต้องซ้อมกี่ชั่วโมงต่อวันนะครับ พี่จะซ้อมตอนว่างๆ พูดง่ายๆคือว่างเมื่อไหร่เป็นซ้อมน่ะครับ โดยที่พี่จะได้พี่มารถ มาเป็นคนเทรนท์ให้ประมาณ 2 ปี ก็จะซ้อมกันแบบมีกลอง 2 ชุดแล้วตีส่งกันไปมา
ตั้ม – จ๊าก…แบบนี้คงสนุกแน่ๆเลยนะครับเนี่ย
พี่ชัช – โอ้น้องตั้มครับ สะเด่ามากๆเลยครับ
ตั้ม – อ้อลืมถามไปเลยครับว่าพี่ชัชจบการศึกษามาจากที่ไหน
พี่ชัช – พี่จบเอกดนตรีสากลที่ ราชภัฏบ้านสมเด็จครับ
ตั้ม – เอ้อพี่ชัชครับ แล้วสำหรับมือกลองที่พี่ชัชชอบดูวีดีโอ เวิร์คช็อบเนี่ยมีใครบ้างเหรอครับ
พี่ชัช – อ้อของพี่นี่ดูและศึกษาอยู่คนเดียวเลยครับ คือ CARTER BEAUFORD เพราะแบบว่าแนวเค้าได้มากเลยครับ ลูกละเอียดๆเยอะเลย
ตั้ม – มาพูดถึงผลงานเต็มๆอัลบั้มของ บอดี้สแลม ชุดนี้กันบ้างนะครับ ไม่ทราบว่าพี่ชัชมีวิธีการครีเอทแพทเทิร์นต่างในเพลงชุดนี้อย่างไรบ้างครับ รวมถึงการใช้ Splash และ Bell ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจนของอัลบั้มชุดนี้
พี่ชัช – ขำขำครับตั้ม คือพี่จะพยายามใส่ให้เข้ากับเพลง โดยคำนึงถึงเนื้อเพลงมากที่สุด ท่อนไหนที่ควรใส่ก็ใส่ แต่ท่อนที่ใส่เนี่ยต้องดูว่าใส่แล้วต้องไม่รกด้วยครับ
ตั้ม – เอ้อพี่ครับ ถ้าจะพูดกันตรงๆเลยว่ามีเพลงไทยเยอะแยะที่ใส่ 2 กระเดื่องเข้าไปแล้วคนไม่ค่อยฟัง และขายไม่ค่อยได้ แต่พี่ชัชเอามาใส่ในชุดนี้เยอะเลยนี่นาครับ
พี่ชัช – อ๋อก็เหมือนกันครับคือ พี่จะใส่ไม่เยอะมากจนเกินไป และใส่ในท่อนที่เห็นว่าโดนๆน่ะครับ
ตั้ม – แล้วทางบอดี้สแลมเองมีโครงการทำชุดต่อไปรึยังครับ
พี่ชัช – อ๋อตอนนี้ก็ยังเลยครับ เพราะว่ากำลังทัวร์คอนเสิร์ตในอัลบั้มนี้อยู่ เหนื่อยมากๆเลยครับ
ตั้ม – สุดท้ายนี้เนื่องจากเดี๋ยวพี่ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตต่อ ผมจึงอยากจะให้พี่ชัชฝากอะไรถึงน้องๆสมาชิกชาว EXTREME DRUMMER กันหน่อยน่ะครับ
พี่ชัช – เอ่อก่อนอื่นก็ต้องสวัสดีสมาชิกเวบ EXTREME DRUMMER ด้วยนะครับ ก็อยากจะให้น้องๆฝึกซ้อมกันเยอะๆ ทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ แต่อย่าซ้อมอย่างเดียวนะครับ ควรจะต้องฟังเยอะๆ ดูเยอะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะสร้างไอเดียให้เราได้เป็นอย่างดี อย่างสมมติว่าถ้าซื้อซีดีมาสัก 5 แผ่น แล้วถ้าเราฟังมันอย่างละเอียดทุกๆเพลง สัก1เดือน รับรองเลยครับว่าเราจะได้ลูกอะไรๆมาเยอะแยะมากมายครับผม
ตั้ม – สุดท้ายนี้อีกครั้งผมเองและเวบ EXTREME DRUMMER ต้องขอขอบคุณพี่ชัชมากๆเลยนะครับที่อุตส่าห์สละเวลามาให้สัมภาษณ์
พี่ชัช – อ๋อไม่เป็นครับผม ด้วยความยินดี ครั้งหน้าถ้ามีอะไรบอกมาได้เลยนะครับ พี่เต็มที่เลยครับกับน้องตั้มและ EXTREME DRUMMER แล้วว่างๆพี่จะเข้าไปตอบคำถามด้วยครับ
ตั้ม – โอ้ว…ขอบคุณมากๆเลยครับพี่ชัช ยังไงก็ขอให้พี่รักษาสุขภาพด้วยนะครับ เพราะต้องลุยทัวร์อย่างหนักเลย
พี่ชัช – โอเคครับน้องตั้ม ด้วยความยินดีครับผม
ผมหวังว่าคงจะถูกใจเพื่อนๆกันบ้างไม่มากก็น้อยนะครับผม ส่วนบทสัมภาษณ์มือกลองคนต่อไปคือใครต้องรอติดตามกันนะครับ ขอรับรองว่าน่าสนใจเช่นกันครับผม / ขอบคุณพี่ชัชและเพื่อนสมาชิกทุกคนนะครับ
สนุกกับจังหวะ Drum & Solo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น